ทําอย่างไร ให้ลูกเรียนเก่ง พ่อแม่สอนลูก

ทําอย่างไร ให้ลูกเรียนเก่ง พ่อแม่สอนลูก (ตอน 3)

บทความเล่าประสบการณ์ สอนลูกเรียนให้เก่งขึ้นได้ด้วยตนเอง สอนลูกตอนหลังเลิกเรียน เก่งขึ้นได้ทุกวิชา ทั้งวิชาคณิตศาสตร์, วิชาภาษาไทย, วิชาภาษาอังกฤษ บทความสำหรับพ่อแม่และผู้ปกครอง

ทําอย่างไร ให้ลูกเรียนเก่ง พ่อแม่สอนลูก

5. ให้เด็กเข้าใจครูสอนในห้องเรียน

หลังจาก 2 บทความ ทำอย่างไรให้ลูกเรียนเก่ง ตอน 1 และ 2 ได้พูดถึงเทคนิคการสอนลูก
ตอนอยู่บ้านหลังเลิกเรียน และวันหยุดไปแล้ว ซึ่งเป็นการสอนเด็กของเรา
หลังจาากที่คุณน้องหนูของเรา ยังเรียนไม่เก่งยังไม่เข้าใจ ตั้งแต่ในห้องเรียน
บทความสุดท้ายนี้จะแนะนำพูดถึง การทำให้เด็กเรียนเก่งและเข้าใจ ตั้งแต่อยู่ในห้องเรียน
ในชั่วโมงเรียนวิชานั้นๆ หากเด็กสามารถเข้าใจ สิ่งที่คุณครูสอนในห้อง ก็จะสามารถช่วยให้เด็กเรียนได้เก่งขึ้น
โดยผู้ปรกครองจะได้ไม่ต้องเหนื่อย มาสอนซ้ำกับเรื่องที่คุณครูได้สอนไป

เด็กจะเก่งได้ ควรเก่งตั้งแต่ในห้องเรียน เก่งที่ว่าเด็กสามารถทำความเข้าใจ กับเรื่องที่คุณครูสอนหรืออธิบายในชั่วโมงนั้นๆ
บางครั้งเด็กอาจจะไม่เข้าใจ ไม่กล้ายกมือถามคุณครู หรือเด็กไม่สนใจฟังคุณครูอธิบาย เพราะมัวสนใจสิ่งอื่นหรือเล่นกับเพื่อนอยู่
หากเป็นอย่างที่ว่า ผู้ปกครองต้องหาทาง ทำให้เด็กสนใจสิ่งที่ครูสอนให้ได้
หรือเด็กบางคนพยายามทำความเข้าใจ ในสิ่งที่ครูกำลังสอน
แต่ก็ยังไม่เข้าใจ แต่คุณครูก็อาจจะลืม ไม่ได้ถามเด็ก ว่าที่สอนไปเด็กเข้าใจหรือไม่
สิ่งเหล่านี้ ทั้งตัวเด็กเอง คุณครู และสภาพแวดล้อมในห้องเรียน
จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่มีผลต่อการเรียนของเด็ก

6. ติดตามพฤติกรรมในห้องของเด็ก จากคุณครู

มีพ่อแม่หรือผู้ปรกครองบางท่าน ไม่ได้ติดต่อติดตาม สอบถามลูกของเราว่าในห้องเรียน หรืออยู่ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง หากเป็นเช่นนั้นควรอย่างยิ่ง ที่จะติดต่อสอบถามไม่ว่า จะเป็นคุณครูประจำชั้น หรือครูที่ปรึกษา เพื่อที่จะได้ติดตามพฤติกรรมของลูกเรา ว่าอยู่ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง เวลาเรียนในห้อง เขามีความตั้งใจเรียนตั้งใจฟังคุณครูหรือไม่ หากเด็กไม่ได้ตั้งใจเรียนในห้อง ก็จะได้หาวิธีแก้ไขร่วมกับคุณครูได้ หรือหากเด็กมีความสนใจในห้องเรียนแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจก็จะได้หาสาเหตุและวิธีทำให้เขาเข้าใจได้

เด็กฟังที่ครูสอนไม่รู้เรื่อง – ขอให้ครูช่วยพยายามถามลูกของเราในห้องเรียน เพราะเด็กบางคน อาจจะไม่กล้ายกมือถาม

ลูกไม่สนใจฟังครูตอนสอน – หากเป็นเด็กที่ไม่ได้มีความผิดปรกติทางสมอง หรือผิดปรกติในร่างกาย รวมไปถึงไม่ได้มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิต (ปัญหาครอบครัว, ปัญหาเพื่อนฝูง เป็นต้น) พ่อแม่ควรสร้างแรงจูงใจ ส่งเสริมสนับสนุนให้ลูกสนใจเรื่องการเรียน ทั้งเรื่องการอยากรู้ อยากเห็น อยากทดลอง แต่ก็ไม่ควรคาดคั้น หรือสร้างความกดดันให้กับเด็ก รวมไปถึงต้องใจเย็น ไม่ดุด่าว่ากล่าวลูกอย่างแรงๆ หากลูกของเราทำได้ดี อย่าลืมคำชมหรือให้รางวัลกับเด็กๆ เพื่อนก็เป็นสิ่งสำคัญกับลูก พ่อแม่ควรทำความรู้จักกับเพื่อนๆของลูกเราเอาไว้ด้วย

ลูกสมาธิสั้น – หากสังเกตุจะพบได้ว่าลูกหรือเด็กที่เราดูแล ไม่ค่อยมีความอดทน ให้ทำอะไรแล้ววอกแวกได้ง่ย ความจำไม่ดี หากเป็นอย่างนี้จะส่งผลกับการเรียนเป็นอย่างมาก สาเหตุเป็นเพราะเขาอยู่กับสิ่งเร้าบ่อยเกินไป อาจจะเป็นเสียงเพลงดังๆ ติดเกมส์ ติดดูทีวีดูนานๆ เป็นต้น การแก้ไข พยายามพาเขาไปอยู่แวดล้อมที่เงียบสงบ อาทิเช่น สวน ใต้ต้นไม้ หรือที่ไหนที่เงียบๆ หรือหากเป็นไปได้ ชวนให้ลูกของเรานั่งสมาธิ

ลูกไม่อยากไปโรงเรียน – อาจจะเป็นเพราะเด็กไม่กล้าเข้าสังคมของเขา อาจเป็นเพราะไม่มีเพื่อน หรือเด็กติดพ่อแม่เกินไป เรื่องนี้ไม่ควรมองข้าม เด็กจะต้องมีพัฒนาการการเข้าสังคมของเขา พ่อแม่ควรจะพาลูกไปแนะนำเขาให้รู้จักกับเพื่อนๆ และคุณครู เพื่อฝึกให้เขากล้าแสดงออก สร้างสานสัมพันธ์ ระหว่างลูกกับเพื่อน

ชี้นำ ให้ลูกเห็นความสนุกที่โรงเรียน – ควรทำให้เด็กมีความสุขและรู้สึกสนุกอยากไปโรงเรียน ในโรงเรียนมีเพื่อนมากมาย มีกิจกรรมสนุกๆ ที่จะพัฒนาตัวเขา ทั้งเรื่องกีฬา การละเล่นกับเพื่อนๆ